![](https://honeywitchs.com/wp-content/uploads/2024/06/ประเทศมองโกเลีย-Mongolia.png)
ประเทศมองโกเลีย (Mongolia) เป็นประเทศในทวีปเอเชียที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลกรองจากประเทศคาซัคสถาน มีพรมแดนทางเหนือติดกับประเทศรัสเซีย และทางใต้ติดกับประเทศจีน มีพื้นที่ที่สามารถใช้สำหรับการเกษตรได้น้อยกว่าร้อยละหนึ่ง
มองโกเลียมีประชากรเพียง 3 ล้านกว่าคน แต่มีพื้นที่ใหญ่กว่าประเทศไทยถึงกว่า 3 เท่า ซึ่งทำให้ประเทศมองโกเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหนาแน่นของประชากรน้อยที่สุดในโลก ประชากรส่วนมากนับถือศาสนาพุทธนิกายวัชรยานแบบทิเบต และประชากรร้อยละ 38 อาศัยอยู่ในเมืองหลวงอูลานบาตอร์
เจงกิสข่าน มหาบุรุษสุดยิ่งใหญ่
เจงกิสข่าน ชื่อเดิมคือ เตมูจิน (Temujin) เขาเริ่มรวบรวมชนเผ่ามองโกลและก่อตั้งชาติมองโกลขึ้นเมื่อปีค.ศ.1206 ซึ่งต่อมากลายเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ มีกำลังที่เข้มแข็งทำให้สามารถขยายอาณาเขตไปไม่หยุดยั้ง ได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่าภายใต้การนำของเจงกีสข่าน ชาวมองโกลทำศึกสงครามขยายอาณาเขตไปเรื่อยๆ โดยครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการนำกองทัพบุกยึดกรุงคอนสแตนติโนเปิลสำเร็จ เจงกิสข่านเสียชีวิตเมื่อปีค.ศ. 1227
จักรวรรดิมองโกล และ ราชวงศ์หยวน
ช่วงศตวรรษที่ 13 มองโกเลียเคยเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิมองโกลซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเอเชีย-ยุโรป มีอาณาเขตติดต่อกันราว 33 ล้านตารางกิโลเมตร อีกทั้งยังเคยปกครองจีนในนามของราชวงศ์หยวน (Yuan Dynasty) ถึง 88 ปี (ค.ศ.1280-1368)
ต่อมาเสียอำนาจและอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงซึ่งเป็นชาวฮั่น จากนั้นได้รับเอกราชจากจีนเมื่อปีพ.ศ. 2464 จากการได้รับความช่วยเหลือของสหภาพโซเวียตแต่ต้องใช้ระบบการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ ลัทธิคอมมิวนิสต์สิ้นสุดในมองโกเลียเมื่อปีพ.ศ. 2532 (ปีเดียวกันกับการล่มสลายของสหภาพโซเวียต) ซึ่งต่อมามองโกเลียได้นำระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภามาใช้
อูลาน บาตอร์ (Ulaan Bator) และทาง รถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย
เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมองโกเลีย ในอดีตมีการเปลี่ยนชื่อเมืองหลายครั้ง จนครั้งสุดท้ายเมื่อปีค.ศ.1924 ใช้ชื่อ อูลาน บาตอร์ ซึ่งมีความหมายว่า วีรบุรุษสีแดง ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ ดัมดิน ซุคบาตาร์ (Damdin Sukhbaatar) ผู้นำการปฏิวัติการปกครองและการประกาศอิสระภาพของมองโกเลีย
ปัจจุบันเมืองหลวงแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของการคมนาคม ทั้งการเดินทางด้วยเครื่องบินที่มีเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ มีบริการรถไฟและรถโดยสารทางไกล มีถนนที่เชื่อมต่อไปยังพื้นที่อื่นๆ ของมองโกเลียและประเทศใกล้เคียง ที่สำคัญสามารถเชื่อมโยงกับ เส้นทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย (Trans-Siberian Railway) ซึ่งเป็นการเดินทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
เมืองเก่าคาราโคลัม (Karakorum)
อดีตเมืองหลวงในช่วงจักรวรรดิมองโกลหรือในยุคของเจงกิสข่าน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1220 ในหุบเขา Orkhon บริเวณทางแยกของเส้นทางสายไหม คาราโคลัมเป็นเมืองหลวงราว 40 ปี แล้วล่มสลายไปตามจักรวรรดิมองโกล ปัจจุบัน ยังคงหลงเหลือความงดงามของศิลปวัฒนธรรมในช่วงที่มองโกลรุ่งเรืองให้เห็นอยู่บ้างบางส่วน โดยเฉพาะอาราม Erdene zuu ที่มีเจดีย์กว่า 108 เจดีย์ และกำแพงยาวประมาณ 400 เมตรล้อมรอบอารามแห่งนี้
วัดกานดาน (Gandan Monastery) วัดคู่บ้านคู่เมือง
วัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สร้างโดยท่านข่านโบกด์ ราวปีค.ศ. 1835 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธในมองโกเลีย ชื่อวัดมีความหมายว่า “สถานที่ที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์แบบ” ตั้งอยู่ในเมืองหลวงอูลาน บาตอร์ ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบทิเบต ภายในพระวิหารประดิษฐานพระอวโลกิเตศวร ซึ่งมีความสูงถึง 20 เมตร
วัดโชจิน ลามะ (Choijin Lama Temple )
วัดที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งที่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ วัดแห่งนี้เก็บหน้ากากเก่าแก่ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาไว้มากมาย มีพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ที่ทำจากทองเหลืองในช่วงศตวรรษที่ 17-18 อยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นที่เก็บกระดูกของลามะชื่อดังรูปหนึ่งไว้โดยนำมาหล่อเป็นพระพุทธรูป
ทะเลทรายโกบี (Gobi Desert)
เป็น 1 ใน 5 ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก โอบล้อมด้วยเทือกเขาอัลไตและทุ่งหญ้าสเตปป์ที่กว้างใหญ่ ที่บริเวณนี้มีการค้นพบฟอสซิลที่สำคัญ ซึ่งไข่ไดโนเสาร์ใบแรกก็ถูกค้นพบที่นี่ ทะเลทรายโกบีแตกต่างจากทะเลทรายทั่วไปตรงที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าที่ราบกว้าง เป็นที่อยู่อาศัยของอูฐจำนวนมาก อุดมไปด้วยสัตว์ป่าและพืชพรรณ
เทือกเขาอัลไต (Altai Tavan Bogd National Park)
เทือกเขาอัลไตในมองโกเลียครอบคลุมพื้นที่ใน 4 เมือง คือ เมือง Bayan-Ulgii, Tsengel Soum, Ulaanhus Soum, Sagsai Soum และ Altai Soum โดยยอดเขาที่สูงที่สุด คือ ยอดเขาคิวเทน (Khuiten Uul) สูงถึง 4,374 เมตร สามารถมองเห็นฝั่งประเทศจีนและประเทศรัสเซีย
เทศกาลนาดัม (Naadam festival) เทศกาลประจำปีสุดยิ่งใหญ่ของมองโกเลีย เป็นประเพณีเก่าแก่ที่จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน (วันที่ 11-13 กรกฎาคม) เพื่อแข่งขันกีฬาที่ถือว่าเป็นทักษะประจำตัวของชายชาวมองโกล คือ การแข่งม้า ยิงธนู และโดยเฉพาะมวยปล้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีประวัติความเป็นมากว่า 7,000 ปี มีเอกลักษณอันโดดเด่นทั้งจากเครื่องแต่งกายของนักกีฬาและกติกาที่ไม่จำกัดน้ำหนักและอายุของผู้แข่งขัน
เกอ (Ger)
ชาวมองโกลอาศัยอยู่ในเกอ กระโจมทรงกลม โครงทำจากไม้และคลุมด้วยหนังสัตว์และผ้าใบ ซึ่งรื้อถอนง่ายและสะดวกในการอพยพโยกย้าย เพราะชาวมองโกลส่วนใหญ่เป็นพวกเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์ แต่ปัจจุบันชาวมองโกลดำรงชีวิตเป็นหลักแหล่งมากขึ้น สร้างที่อยู่ด้วยอิฐและไม้แต่ยังคงรักษารูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ เราจะคุ้นภาพกระโจมสีขาวในทุ่งหญ้าสเตปป์อันเวิ้งว้าง
ม้าป่าทาคิ ม้าป่าพันธุ์ท้องถิ่นที่ชื่อทาคิ (Takhi) หรือ พริเซวอลสกี้ (Przewalsky) ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ควบคู่กับความสำเร็จของประเทศมองโกเลียในการดำรงชีวิตอยู่ในป่าอย่างแข็งแกร่งและอดทน ครั้งหนึ่งเคยสูญพันธุ์ไปจากมองโกเลีย
จึงมีโครงการนำม้ากลับมาปล่อยใหม่ที่อุทยานแห่งชาติฮุสไตหรือคุสเตนนูรูรู (Hustai National Park or Khustain Nuruu National Park) ซึ่งปัจจุบันมีม้าป่าทาคิอยู่ที่อุทยานแห่งนี้ประมาณ 20 ฝูง ประมาณ 200ตัว โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวันละครั้ง