ประวัติ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ท่านพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  เดิมชื่อ มั่น  นามสกุล แก่นแก้ว  เป็นบุตรของ นายคำด้วง และ นางจันทร์  ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ.๒๔๑๓  ตรงกับวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ปีมะแม  ณ  บ้านคำบง  อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
 อุปสมบท    
เมื่ออายุได้ ๒๒ ปี  ท่านเล่าว่ามีความอยากบวชเป็นกำลัง จึงอำลาบิดามารดาบวช ซึ่งท่านทั้งสองก็อนุญาต  จึงได้เข้ารับการอุปสมบทในวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๖  ณ  วัดศรีทอง  อ.เมือง   จ. อุบลราชธานี  โดยมีพระอริยกวี เป็นพระอุปัชฌาย์   พระครูสีทา  ชยเสโน   เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประจักษ์อุบลคุณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์  ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า  “ ภูริทัตโต ”  แปลว่า  “  ผู้ให้ปัญญาประดุจดั่งแผ่นดิน ”   หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้ไปพำนักจำพรรษา และศึกษาธรรมกับพระอาจารย์เสาร์  กันตสีโลที่วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
 ปฏิปทา
ในสมัยต่อมาท่านได้แสวงหาวิเวกบำเพ็ญ สมณะธรรมในที่ต่างๆ ตามป่าช้า หุบเขา ในถ้ำในเงื้อมผา ทั้งทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ท่านเคยไปพักบำเพ็ญอยู่ทางเทือกเขาฝั่งตะวันตกของเมืองหลวงพระบาง ที่ใต้ชายเขาลูกนั้นมีเมืองพญานาคตั้งอยู่ใหญ่โตมาก หัวหน้าพญานาคพาบริวารมาฟังธรรมท่านเสมอ เขาเคารพเลื่อมใสศรัทธาท่านมากได้จัดบริวารมาคอยอารักษ์ขาท่านทั้งกลางวัน กลางคืน ท่านจาริกธุดงค์อยู่ทางแถบนี้นานหลายปีจึงได้ลงมาจำพรรษายังวัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ
ถ้ำสาริกา
เมื่อออกพรรษาแล้วหลวงปู่มั่น  ได้ออกเที่ยวจาริกไปทาง จ.ลพบุรี พักอยู่ถ้ำไผ่ขวางบ้าง เขาพระงามบ้าง จากนั้นได้ธุดงค์ไปยังถ้ำสาลิกา จ.นครนายก ที่ถ้ำสาลิกาแห่งนี้ ชาวบ้านได้ห้ามไม่ให้ท่านขึ้นไปพร้อมกับเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับถ้ำให้ ท่านฟังว่าถ้ำนี้มีผีหลวงรูปร่างใหญ่ และมีฤทธิ์มากรักษาอยู่ ผีตัวนี้ดุร้ายมากไม่เลือกพระเลือกใคร พระที่ขึ้นไปอยู่ตายไปแล้ว ๔ รูป ยิ่งรูปใดอวดตัวว่ามีวิชาอาคมขลังยิ่งตายเร็ว ส่วนที่หนีรอดมาได้ก็ไม่กล้ากลับไปที่ถ้ำนั้นอีก ท่านพระอาจารย์มั่นได้ฟังแล้วใจของท่านมิได้หวาดกลัวแม้แต่น้อยเลย  ท่านจึงได้ขอให้โยมพาท่านขึ้นไปส่งบนถ้ำนั้น     ซึ่งชาวบ้านก็พากันขึ้นไปส่งท่านตามความประสงค์
 ใน ๒ – ๓ คืนแรกเหตุการณ์ผ่านไปตามปกติ พอคืนต่อไป โรคเจ็บท้องที่เคยเป็นมาประจำก็กำเริบและมีอาการรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ ถึงกับถ่ายออกมาเป็นเลือดอย่างสดๆ  ฉันอาหารอะไรเข้าไปก็ถ่ายสิ่งนั้นออกมา เวลามีโยมขึ้นไปหาท่านพาโยมหายารากไม้มาฝนใส่น้ำฉัน แต่ก็ไม่ได้ผล  ท่านจึงได้ตัดสินใจบอกกับตัวเองว่า นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะระงับโรคนี้ด้วยธรรมโอสถ จะหายก็หาย  จะตายก็ตาย  และก็เริ่มทำสมาธิภาวนาตั้งแต่พลบค่ำถึง ๒๔.๐๐ น.  โรคก็ระงับดับลงอย่างสนิท
ปราบเทวดาให้หายพยศ
ขณะนั้นโรคที่เป็นอยู่ก็หายขาด  จิตของท่านสงบลงถึงที่  แล้วถอนจิตออกมาเพียงขั้นอุปจาระสมาธิ จิตสว่างไสวออกไปนอกกายปรากฏเห็นบุรุษผู้หนึ่งมีร่างใหญ่ดำและสูงราว ๑๐ เมตร ถือตะบองเหล็กใหญ่เท่าขา ยาวในราว ๒ วา เดินเข้ามาหาและบอกกับท่านว่า จะทุบตีท่านให้จมลงไปในดิน ถ้าไม่หนีจะฆ่าให้ตายในบัดเดี๋ยวใจ  ผีร่างยักษ์นั้นบอกกับท่านว่า ตะบองเหล็กที่เขาแบกอยู่บนบ่านั้น ตีช้างสารใหญ่ตัวหนึ่งเพียงหนเดียวเท่านั้น ช้างตัวที่ว่านั้นต้องจมลงไปในดินมิดเลยโดยไม่ต้องตีซ้ำอีก  ท่านจึงกำหนดจิตถามผีร่างยักษ์นั้นว่า จะมาตีมาฆ่าอาตมาทำไม อาตมามีความผิดอะไรถึงต้องถูกตีถูกฆ่าเล่า ? การ มาอยู่ที่นี้มิได้มาเบียดเบียนข่มเหงใครให้เดือดร้อน     พอจะถูกใส่กรรมทำโทษถึงขนาดตีและฆ่าให้ถึงตายเช่นนี้    เขาบอกว่าเขาเป็นผู้มีอำนาจรักษาภูเขาลูกนี้อยู่นานแล้ว ไม่ยอมให้ใครมาอยู่ครองอำนาจเหนือตนไปได้ ต้องปราบปรามและกำจัดทันที  ท่านพระอาจารย์มั่นจึงได้เทศน์สั่งสอนบุรุษลึกลับโดยทางสมาธิ ท่านเล่าว่าเขายืนตัวแข็งไม่กระดุกกระดิกเลย เมื่อท่านแสดงธรรมจบลง เขาได้ทิ้งตะบองเหล็กลงจากบ่าและเนรมิตตนจากผีร่างยักษ์เป็นพุทธมามกะ เข้ามาแสดงความเคารพและขอขมาต่อหลวงปู่มั่น  สุดท้ายแห่งการสนทนา บุรุษลึกลับผู้นั้นมีความเคารพเลื่อมใสในธรรมเป็นอย่างยิ่ง และปฏิญาณตนถึงพระไตรสรณคมน์  ที่ถ้ำสาลิกา จ.นครนายกแห่งนี้นี่เองเป็นสถานที่ที่ท่านหลวงปู่มั่น  ภูริทัตโตบรรลุธรรมขั้นที่ ๓ คือ พระอนาคามี
 กองทัพธรรมพระกรรมฐาน
หลังจากที่ท่านได้บรรลุธรรมขั้นสูงที่ ถ้ำสาลิกาแล้ว ท่านได้กลับมายังภาคอีสาน การกลับมาของท่านคราวนี้ทำให้พระเณรตื่นตัวหันมาปฏิบัติกันอย่างจริงจังมาก ขึ้น บังเกิดเป็นกองทัพธรรมพระกรรมฐานได้นำธงชัยแห่งพระพุทธศาสนากระจายเผยแผ่ อมตะธรรมไปทั่วสารทิศ  ท่านได้นำลูกศิษย์ลูกหาออกบำเพ็ญภาวนา ยิ่งนับวันยิ่งมีผู้เคารพศรัทธาท่านเพิ่มมากขึ้น  คณะศิษย์ในยุคต้นๆของท่านก็มี พระอาจารย์สิงห์  ขันตยาคโม วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา , หลวงปู่ดูลย์  อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ , หลวงปู่เทสก์        เทสรังสี   วัดหินหมากเป้ง   อ.ศรีเชียงใหม่   จ.หนองคาย  หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู , หลวงปู่แหวน  สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ , หลวงปู่ฝั้น  อาจาโร  วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เป็นต้น
ธุดงค์ทางภาคเหนือ
ใน พ.ศ. ๒๔๗๑ หลังจากมอบภาระการปกครองพระเณรให้กับพระอาจารย์สิงห์  ขันตยาคโม แล้ว  หลวงปู่มั่นได้ลงมากรุงเทพฯ จำพรรษาที่วัดปทุมวนาราม ในขณะนั้นท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ( จันทร์  สิริจันโท ) วัดบรมนิวาสจะไปเชียงใหม่ท่านจึงได้ติดตามท่านเจ้าคุณไปเชียงใหม่ด้วย เมื่อไปถึงเชียงใหม่ท่านได้เข้าพักที่วัดเจดีย์หลวง ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของ จ.เชียงใหม่ ที่วัดเจดีย์หลวงแห่งนี้ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็น พระครูวินัยธร และเป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง  พอออกพรรษาท่านก็ได้ลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสพร้อมทั้งคืนพัดยศ 
หลวงปู่มั่นได้จัดบริขารธุดงค์ แล้วออกจากวัด เดินทางด้วยเท้าเปล่าแสวงหาความวิเวกตามป่าตามเขาในภาคเหนือเป็นเวลานานถึง ๑๒ ปี จึงได้เดินทางกลับมาภาคอีสาน
ตอนที่หลวงปู่มั่นธุดงค์อยู่ทางภาคเหนือ นี้ บรรดาศิษย์ของท่านได้พากันติดตามมาศึกษาธรรมด้วยเป็นจำนวนมาก เช่น หลวงปู่พรหม  จิรปุญโญ วัดประสิทธิธรรม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี , ท่านพ่อลี  ธัมมธโร วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ , หลวงปู่เหรียญ  วรลาโภ วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย , หลวงปู่ตื้อ  อจลธัมโม วัดอรัญวิเวก อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม , หลวงปู่เจี๊ยะ  จุนโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี , ท่านพ่อเฟื่อง  โชติโก วัดธรรมสถิต อ.เมือง จ.ระยอง , หลวง ปู่ชอบ  ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย  และมีครูบาอาจารย์หลายท่านที่ตามมาศึกษาธรรมกับหลวงปู่มั่น แล้วได้อยู่จำพรรษาที่ภาคเหนือจนกระทั่งมรณภาพที่นี่ เช่น หลวงปู่แหวน  สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ , หลวงปู่สิม  พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เป็นต้น
ทำลายกษัตริย์จอมอวิชชา
ในคืนวันหนึ่งเวลาดึกสงัด ท่านนั่งสมาธิอยู่ชายภูเขาหินที่มีพลาญกว้าง ขวางและเตียนโล่ง ท่านว่าท่านนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวแต่ต้นเดียว นับแต่เวลาเย็นจนถึงดึกสงัดของคืนวันนั้น  ท่านได้นั่งพิจารณาแต่อวิชชาตัวเดียว โดยอนุโลมปฏิโลมกลับไปกลับมาอยู่ภายใน อันเป็นที่รวมแห่งภพชาติกิเลสตัณหา    ตอนนี้เป็นเวลาสำคัญมากในการรบของท่าน ระหว่างมหาสติ มหาปัญญาอันเป็นอาวุธคมกล้าทันสมัย กับอวิชชา เวลาประมาณตี ๓ ผลปรากฏว่า ฝ่ายกษัตริย์วัฏจักร ถูกสังหารทำลายบัลลังก์ลงอย่างพินาศขาดสูญ  ท่านว่า ขณะนั้นเหมือนโลกธาตุหวั่นไหว เสียงเทวบุตรเทวธิดาทั่วโลกธาตุประกาศก้องสาธุการ เสียงสะเทือนสะท้านไปทั่วพิภพ ว่าศิษย์พระตถาคตปรากฏขึ้นในโลกอีกหนึ่งองค์แล้วพวกเราทั้งหลายมีความยินดี สุขใจกับท่านอย่างมาก          
สอนชาวเขาตามหาพุทโธ
ครั้งหนึ่งหลวงปู่มั่น  ไปพักอยู่ที่ชายเขาห่างจากหมู่บ้านชาวเขาประมาณ  ๒ กิโลเมตร ตอนเช้ามาบิณฑบาตในหมู่บ้าน  ชาวเขาถามท่านว่า  “  ตุ๊เจ้ามาทำอะไร ” ท่านบอกว่า มาบิณฑบาตข้าว เขาถามว่าเอาข้าวสุกหรือข้าวสาร ท่านบอกว่าข้าวสุก แล้วเขาก็บอกกันให้หาข้าวสุกมาใส่บาตรให้ท่าน แม้ว่าชาวบ้านจะใส่บาตรกันบ้างแต่ก็ไม่ไว้วางใจท่าน โดยสงสัยว่าท่านเป็นเสือเย็นที่ปลอมตัวมาคอยหาโอกาสทำร้ายชาวบ้าน  พวกเขาจึงเตือนกันให้คอยระมัดระวังและส่งคนไปแอบสังเกตดูท่านแล้วกลับมา รายงาน  พวกชาวบ้านที่คอยไปสังเกตดูท่านนานเป็นเดือนก็กลับมารายงานว่า ท่านไม่น่ามีพิษภัยอันใด เวลาที่ไปเฝ้ามองสังเกตดูก็เห็นแต่ท่านนั่งหลับตานิ่ง บางทีก็เดินมาเดินไป ไม่รู้ว่าท่านเดินหาสิ่งใด ทางที่ดีพวกเราควรเข้าไปถามท่านให้ได้ความเสียจะดีกว่า  จึงได้ส่งคนไปถามท่านว่า ท่านนั่งหลับตาและเดินไปมานั้น “ ตุ๊เจ้านั่งและเดินหาอะไร ” ท่านบอกว่า “ พุทโธของเราหาย ” ชาวบ้านถามท่านต่อว่าพุทโธหน้าตาเป็นยังไง ? กันผีได้ไหม ? พวกเราช่วยหาได้ไหม ? และ อื่นๆอีกหลายคำถาม  ท่านก็ตอบคำถามเขาไปและบอกกับเขาว่าถ้าจะช่วยหาพุทโธก็ให้พากันนั่งนิ่งๆ หรือ เดินไปเดินมา นึกในใจว่า พุทโธ พุทโธ อย่าส่งจิตออกไปนอกกาย ให้รู้อยู่กับคำว่าพุทโธ เท่านั้น ถ้าทำอย่างนี้ไม่แน่ว่าเขาอาจหาพุทโธเจอก่อนท่านก็ได้ พอพวกชาวบ้านได้ความแล้วก็นำไปเล่าสู่กันฟัง ต่างคนต่างนึกพุทโธตามคำที่ท่านบอก ตั้งแต่หัวหน้าหมู่บ้านไปจนถึงลูกบ้านไม่เว้นแม้แต่เด็กและผู้ใหญ่  ในเวลาไม่นานนักก็มีชายผู้หนึ่งรู้ธรรมเห็นธรรมตามท่านเขาถึงได้ทราบว่าที่ แท้ก็เป็นอุบายธรรมอันฉลาดของท่านนั่นเอง เขามีความรู้ในธรรมและยังสามารถรู้จิตของผู้อื่นได้อีกด้วย
ท่านอยู่สั่งสอนชาวเขาหมู่บ้านนั้นอยู่ นานถึง  ๑  ปี  กับอีก ๒ เดือน ท่านจึงได้อำลาจากพวกเขาไป  วันที่ท่านจะจากไปพวกเขาออกมาส่งท่านกันหมดทั้งหมู่บ้านด้วยความอาลัยอาวรณ์ ไม่อยากให้ท่านจากพวกเขาไป พอท่านเดินไปได้เพียงสองสามก้าวเท่านั้น พวกเขาก็พากันวิ่งมาฉุดชายสบงจีวรของท่านไว้ไม่ยอมให้ท่านไปเสียงร้องไห้ดัง ระงมไปทั่วทั้งผืนป่า ท่านต้องชี้แจงเหตุผลให้ฟังจนพวกเขาเข้าใจ   แต่พอท่านเดินออกมาเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก พวกเขาวิ่งมาแย่งเอาอัฐบริขารของท่านไว้จะไม่ยอมให้ท่านไป ทำให้ท่านต้องแสดงธรรมและทำความเข้าใจกับพวกเขาอยู่นาน กว่าจะจากหมู่บ้านแห่งนั้นมาได้
เดินทางกลับอีสาน
หลังจากที่ท่านจาริกแสวงธรรม อยู่ทางภาคเหนือนานถึง ๑๒ ปี ท่านจึงได้เดินทางกลับมายังภาคอีสานตามคำอาราธนานิมนต์ของลูกศิษย์ลูกหา พอกลับมาถึงภาคอีสานท่านได้เข้าพักที่วัดป่าสาลวัน เมืองโคราช จากนั้นท่านได้โดยสารรถไฟต่อไปยัง จ.อุดรธานี ที่ จ.อุดรธานีนี้ท่านได้เข้าพักที่วัดโพธิสมภรณ์ และวัดป่าโนนนิเวศน์      จนกระทั่งมีคณะศรัทธาจาก   จ.สกลนคร มานิมนต์ให้ท่านไปโปรดพวกเขา ท่านจึงรับคำนิมนต์ โดยได้ไปพักอยู่ที่วัดป่าบ้านโคก ( วัดป่าวิสุทธิธรรม ) อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร   ที่สำนักป่าบ้านโคกแห่งนี้นี่เองที่ท่านหลวงตามหาบัว  ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้เดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์และรับข้อวัตรจากท่านมาปฏิบัติ  หน้าแล้งในพรรษาหนึ่งก็ได้มีคณะศรัทธาจากบ้านหนองผือนาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เดินทางมานิมนต์ท่านไปสั่งสอนธรรม  ท่านจึงรับนิมนต์และย้ายจาก อ.โคกศรีสุพรรณ ไปยังบ้านหนองผือนาใน  และที่วัดป่าบ้านหนองผือแห่งนี้นี่เองเป็นสถานที่ที่ท่านพระอาจารย์มั่น จำพรรษาอยู่นานถึง ๕ พรรษา จนถึงวาระสุดท้ายปลายแดนแห่งปฏิปทาของท่าน
ปรจิตวิชา
เป็นที่ทราบกันว่าท่านพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต ท่านสามารถทราบวาระจิตความนึกคิดของผู้อื่นได้ อย่างน่าอัศจรรย์  แม้เรื่องแสดงฤทธิ์ต่างๆท่านก็สามารถทำได้ แต่ท่านก็ไม่ได้นำไปแสดงโอ้อวดใคร ท่านมีไว้เพื่อเป็นเครื่องมือปราบลูกศิษย์หัวดื้อ และผู้ที่คิดไปลองดีท่านเท่านั้น  ขอยกตัวอย่างเรื่องรู้วาระจิตของท่านสักสองสามเรื่อง
เรื่องแรก เกี่ยวกับท่านพระอาจารย์มหาปิ่น  ปัญญาพโล แห่งวัดป่าแสนสำราญ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี    ท่านเป็นพระน้องชายของพระอาจารย์สิงห์     ขันตยาคโม  วันหนึ่งท่านพระมหาปิ่น  ปัญญาพโลเกิดความรู้สึกดูหมิ่นดูแคลนหลวงปู่มั่นว่า “ ท่านพระ อาจารย์มั่น มิได้ร่ำเรียนปริยัติธรรมมามากเหมือนเรา ท่านจะมีความรู้กว้างขวางได้อย่างไร เราได้ร่ำเรียนมาถึงเปรียญธรรม ๕ ประโยค จะต้องมีความรู้กว้างขวางมากกว่าท่าน และที่ท่านสอนเราอยู่เดี๋ยวนี้ จะถูกหรือมิถูกประการใดหนอ ”
ขณะนั้นหลวงปู่มั่นอยู่ที่กุฏิของท่าน คนละมุมวัด ได้ทราบวาระจิตของท่านพระมหาปิ่น ว่ากำลังคิดดูถูกท่าน อันเป็นภัยแก่การบำเพ็ญธรรมอย่างยิ่ง ท่านจึงลงจากกุฏิ  เดินไปเอาไม้เท้าเคาะฝากุฏิของท่านพระมหาปิ่น แล้วพูดเตือนสติว่า “ ท่านมหาปิ่นเธอจะมานั่งดูถูกเราด้วยเหตุอันใด การคิดเช่นนี้เป็นภัยต่อการบำเพ็ญสมณธรรมจริงหนา ท่านมหา ”
ท่านพระมหาปิ่นตกใจเพราะคาดไม่ถึง รีบลงจากกุฏิมากราบขอขมาท่านว่า “ กระผม กำลังนึกถึงท่านอาจารย์ในด้านอกุศลจิต กระผมขอกราบเท้าโปรดอโหสิให้กระผมเถิด ตั้งแต่นี้ต่อไป กระผมจะบังคับจิตมิให้นึกถึงสิ่งที่เป็นอกุศลจิตอย่างนี้ต่อไป ”
เรื่องที่สองนี้เกิดขึ้นกับพระอาจารย์ มหาอินทร์  ถิรเสวี แห่งวัดศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น  ท่านเล่าว่าท่านเคยไปอยู่ศึกษาธรรมกับหลวงปู่มั่น ที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ วันหนึ่งหลวงปู่มหาอินทร์คิดในใจว่า “ นรกสวรรค์น่ะ มีจริงไหมหนอ ทำยังไงจะได้รู้จะได้เข้าใจบ้าง เราน่าจะไปกราบเรียนถามท่านพระอาจารย์มั่นนะ ”  ขณะ นั้น หลวงปู่มหาอินทร์ นั่งสมาธิอยู่ทางด้านตะวันออกของเจดีย์   ส่วนหลวงปู่มั่นนั่งอยู่ทางด้านตะวันตก     พอคิดว่าจะไปเรียนถามท่านพระอาจารย์มั่นดีกว่า ก็ลุกขึ้นเดินไปได้ครึ่งเจดีย์เท่านั้น ท่านก็รู้ด้วยอำนาจจิตของท่าน ท่านพูดขึ้นดังๆว่า “ ถ้า หากมีคนละก็ ต้องมีแน่นอน เรื่องนรกเรื่องสวรรค์น่ะ  ถ้าไม่มีคน นรกสวรรค์ก็ไม่มี ไม่ต้องถามถึงหรอก นรกสวรรค์น่ะเป็นเรื่องของคน ถ้าเป็นพระอริยบุคคลหมดโลก นรกก็ดี สวรรค์ก็ดี หมดไม่มีเหลือ ”   พอได้ยินเสียงท่านพูดจบรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครเอาน้ำเย็นรดซู่จากศรีษะลงมาถึงปลายเท้า ความสงสัยเป็นอันว่าหมดไป
เหตุการณ์นี้เกิดกับท่านพระอาจารย์ดี  ฉันโน แห่งวัดป่าสุนทราราม อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ หลวงปู่ดีได้เดินทางขึ้นไปจังหวัดสกลนครและนครพนม โดยให้นายมี  วงศ์เสนา ผู้เป็นน้องชายติดตามและถือเงินไปด้วย ๒ ชั่ง จุดประสงค์ก็เพื่อจะไปเรียนวิชาอาคมเพิ่มเติม และหาเหล็กไหล ขณะนั้นได้เข้าไปพักที่วัดป่าบ้านสามผง อ.ศรีสงคราม  จ.นครพนม ทำให้ได้พบหลวงปู่มั่น  ภูริทัตโตที่วัดนี้  พอตกเย็นหลวงปู่ดีได้เข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่น   ท่านพระอาจารย์มั่น  ได้ทักขึ้นก่อนว่า   “  เดี๋ยวนี้ผมรู้ในญาณแล้วว่าท่านได้ให้น้องชายถือเงิน ๒ ชั่งมาด้วย เพื่อที่จะมาหาวิชาอาคม หาของดีเหล็กไหลใช่ไหม ”  และหลวงปู่มั่นได้พูดต่อไปว่า “ ท่านอยู่ ที่วัดบ้านกุดแห่นั้น ก็ได้ฆ่าหนังทำอานม้า ทำเข็มขัด กระเป๋าขายด้วย ของเหล่านี้ไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่จะประพฤติปฏิบัติ มันเป็นบาป ขอให้ท่านมาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเสียเถิด จะแนะแนวทางให้ เห็นว่ากุศลหนหลังของท่านเคยเกิดเป็นศิษย์พระมหากัสสปะเถระมาแต่ชาติปางก่อน อยู่นะ ”
หลวงปู่ดี  ฉันโน เกิดอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง คิดว่าท่านพระอาจารย์มั่นคงมีหูทิพย์ตาทิพย์เป็นแน่จึงรู้ได้ ทั้งๆที่ไม่เคยพบเห็นหรือรู้จักกันกับท่านมาก่อน จึงเกิดศรัทธาตัดสินใจฝากตัวเป็นศิษย์ทันที
กายทิพย์มาขอฟังธรรม
ในสถานที่บางแห่งจะมีพวกเทวดา หรือ พญานาคมาฟังธรรมกับหลวงปู่มั่น ส่วนมากจะมาตอนกลางคืนดึกสงัด  พอมาถึงก็พากันทำประทักษิณ ๓ รอบ แล้วนั่งเป็นระเบียบเรียบร้อย จากนั้นท่านก็แสดงธรรมให้ฟัง เมื่อจบแล้วเหล่าเทพก็พากันสาธุการ ๓ ครั้ง เสียงบันลือโลกธาตุ ผู้มีหูทิพย์จะได้ยินทั่วกัน แล้วพร้อมกันทำประทักษิณ ๓ รอบ  พอออกไปพ้นเขตวัดหรือที่หลวงปู่พักแล้ว เหล่าเทวดาก็พากันเหาะขึ้นสู่อากาศ เหมือนปุยนุ่นลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าฉะนั้น
 มี พระกราบเรียนถามท่านว่า เวลาพญานาคมาหาท่านเขามาในร่างแห่งงูหรือร่างอะไร  ท่านบอกว่าพวกนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ ถ้าเป็นพญานาคก็มาในร่างแห่งกษัตริย์     มีบริวารห้อมล้อม       การสนทนาก็เหมือนพระสนทนากับกษัตริย์ ใช้ราชาศัพท์กันเป็นพื้น เขามีความเคารพกันมากกว่าพวกมนุษย์ ขณะนั่งฟังธรรมไม่มีใครแสดงอาการกระดุกกระดิกเลย   จนเป็นที่เข้าใจหมดความสงสัยแล้วก็พากันลากลับ
อานุภาพพระพุทธมนต์
คราวหนึ่งท่านพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต พักอยู่บนดอยปะหร่อง ได้มีเทพพวกหนึ่งจากเขาจิตรกฎ มาเรียนถามท่านว่า “ เสียง สาธุ สาธุ อะไร สะเทือนสะท้านทุกวัน พวกเทพทั้งหลายได้ฟังแล้วมีความสุขไปตามๆกัน ” ท่านจึงนำมาพิจารณาก็ระลึกได้ว่า ตอนเช้าหลังจากที่ชาวเขาตักบาตรท่านแล้ว ท่านก็ให้พรพวกเขาและสอนให้เขากล่าวคำว่า “ สาธุ ”  พอรับทราบแล้ว พวกเทพก็ว่าเขาก็พากันสาธุการด้วย
ท่านพระอาจารย์มั่น จึงพิจารณาต่อว่า การสาธยายพระพุทธมนต์ ใครสวดก็ตาม เพียงแต่ระลึกในใจ มีอานุภาพแผ่ไปได้หมื่นจักรวาล  พูดออกเสียงพอฟังได้มีอานุภาพแผ่ไปได้ถึงแสนจักรวาล สวดเต็มเสียงสุดกู่มีอานุภาพแผ่ไปได้เป็นอนันตจักรวาล  แม้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในมหานรกอเวจี ยังได้รับความสุขเมื่อแว่วเสียงพระพุทธมนต์
กำลังใจ
ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๗  เป็นปีที่คณะเสรีไทยกำลังโด่งดังมาก บ้านหนองผือก็เป็นอีกแห่งที่คณะเสรีไทยเข้าไปตั้งค่าย เพื่อฝึกอบรมคณะครูและประชาชนชายหนุ่ม ให้ไปเป็นกองกำลังทหารต่อสู้ขับไล่ทหารญี่ปุ่น คุณครูหนูไทย  สุพลวานิช เป็นผู้หนึ่งที่ถูกเกณฑ์ให้ไปฝึกอบรมในค่ายนี้ ท่านเกิดที่บ้านหนองผือนี่เอง    เป็นธรรมดาสัญชาตญาณของคนเรา    เมื่อตกอยู่ในภาวะเหตุการณ์เช่นนี้ จึงทำให้แสวงหาสิ่งพึ่งพิงทางใจยามคับขัน ช่วงเวลาว่างจากการฝึกก็นั่งพักผ่อนพูดคุยสรวลเสเฮฮากับหมู่เพื่อน จนกระทั่งมาถึงเรื่องของดีของขลังของศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ  เพื่อป้องกันอันตรายที่จะมาถึงตัว มีเพื่อนคนหนึ่งในจำนวนนั้นได้พูดขึ้นว่า “ ท่านพระอาจารย์ใหญ่ ในวัดป่าบ้านหนองผือ ทราบข่าวว่าท่านเป็นพระดีองค์หนึ่ง พวกเราจะไม่ลองไปขอของดีกับท่านดูบ้างหรือ ”  ด้วย คำพูดของเพื่อนทำให้คุณครูหนูไทยนำไปคิดเป็นการบ้าน วันต่อมาคุณครูหนูไทยหาแผ่นทองมาได้แผ่นหนึ่ง มาตัดเป็นสี่แผ่นเล็กๆวางใส่จานขันธ์ห้า แล้วให้โยมผู้เฒ่าทายกวัดที่เป็นญาติซึ่งไปจังหันตอนเช้านำแผ่นทองไปถวาย หลวงปู่มั่น เพื่อให้ท่านทำหลอดยันต์ให้แต่โยมผู้ที่นำแผ่นทองไปนั้นไม่กล้าเข้าไปหาพระ อาจารย์มั่นโดยตรง จึงให้พระอุปัฏฐากเข้าไปลองถามท่านดูก่อนท่านพระอาจารย์มั่นได้ตอบว่า “เขาอยากได้กะเฮ็ดให้เขา” รออยู่ประมาณสามวันพระอุปัฏฐากก็นำหลอดยันต์นั้นมาให้
 วัน หนึ่ง คุณครูหนูไทยเห็นเพื่อนสามถึงสี่คนกำลังทำอะไรกันอยู่ข้างสนามจึงเดินไปดู เห็นพวกเขากำลังทดลองจะยิงเขี้ยวหมูตันด้วยอาวุธปืน เมื่อเขาทดลองยิงแล้วปรากฏว่า เขี้ยวหมูตันซึ่งถือว่าเป็นของขลังและศักสิทธิ์นั้นแตกกระจายไปคนละทิศละทาง เพื่อนคนที่เป็นเจ้าของเขี้ยวหมูตันนั้นหน้าถอดสีไปหมดเพื่อนๆจึงหันมาถาม คุณครูหนูไทยว่า “ มีของดีอะไร มาลองบ้างเพื่อน ” คุณครูหนูไทยจึงตอบไปว่า “ มีอยู่ ” เพื่อน จึงเอามือลวงไปที่กระเป๋าเสื้อของคุณครูหนูไทยวัตถุสิ่งนั้นจึงติดมือเพื่อน คนนั้นไป เขาก็นำตะกรุดยันต์นั้นไปวางไว้ระยะห่างประมาณ ๓-๔ วา แล้วยกปืนเล็งไปที่ตะกรุดนั้นเพื่อนทุกคนที่อยู่ที่นั่นเงียบกริบ ต่างคนก็ต่างเอาใจไปจดจ่อที่จุดเดียวกัน สักครู่คนยิงจึงเหนี่ยวไกปืนเสียงดัง  “ แชะ แชะ ” แต่ ไม่ระเบิด ทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นต่างตกตะลึง ครั้งที่สามเขาลองหันปลายกระบอกปืนขึ้นฟ้าแล้วลองเหนี่ยวไกอีกครั้งปรากฎว่า เสียงปืนกระบอกนั้นดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ
ภายหลังต่อมามีคนทราบข่าวจึงไปขอกับพระ อาจารย์มั่นที่วัดต่อมาไม่นานพระอาจารย์มั่นคงเห็นว่ามากจนเกินไปท่านจึงบอก ว่า สงครามเขาจะสงบแล้วไม่ต้องเอาก็ได้   ของเหล่านี้เป็นของภายนอกสู้เอาคาถาบทนี้ไปบริกรรมไม่ได้ให้บริกรรมทุกเช้า ค่ำจนขึ้นใจ  แล้วจะปลอดภัย   อันตรายต่างๆจะไม่มากล้ำกรายตัวเราได้เลยคาถาบทนั้นมีดังนี้ “ นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา ”
และเป็นจริงตามที่พระอาจารย์มั่นพูด ยังไม่ถึงเจ็ดวันก็ได้ทราบข่าวว่าเครื่องบินทหารอเมริกันบินไปทิ้งระเบิด ปรมาณูใส่เมืองฮิโรชิม่า และเมืองนางาซากิประเทศญี่ปุ่นย่อยยับจนต้องประกาศยอมแพ้สงคราม และสงครามในครั้งนั้นก็สงบจบสิ้นลง
ปัจฉิมสมัย
ในวัยชรานับแต่ พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นต้นมาท่านมาอยู่จังหวัดสกลนคร ณ เสนาสนะป่าบ้านนามน อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร และที่ใกล้ๆแถวนั้นบ้าง ครั้น พ.ศ. ๒๔๘๗ จึงย้ายไปอยู่เสนาสนะป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ซึ่งเป็นปีที่ท่านมีอายุย่างขึ้น ๘๐ ปี ท่านเริ่มอาพาธเป็นไข้คณะศิษย์ผู้อยู่ใกล้ชิดก็ได้เป็นธุระรักษาพยาบาลไปตาม กำลังความสามารถอาการอาพาธก็สงบไปบ้างเป็นครั้งคราว จนจวนจะออกพรรษาอาการอาพาธก็กำเริบมากขึ้น ข่าวนี้ได้กระจายไปอย่างรวดเร็วพอออกพรรษา คณะศิษยานุศิษย์ผู้อยู่ไกลต่างก็ทยอยกันเข้ามาปรนนิบัติพยาบาลแล้วนำท่านมา ที่วัดป่าบ้านภู่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่ฉลวย  สุธัมโม ลูกศิษย์ของท่านมาสร้างไว้  อาการอาพาธของท่านมีแต่ทรงกับทรุดลงโดยลำดับ ครั้นเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๒ คณะศิษย์ได้นำท่านมาพักที่วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร โดยพาหนะรถยนต์มาถึงวัดป่าสุทธาวาสเวลาเที่ยงเศษ   ครั้นถึงเวลา ๐๒.๒๓ น. ของวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๒ ท่านก็ได้ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการสงบ ท่ามกลางคณะศิษยานุศิษย์ทั้งหลายสิริรวมอายุของท่านได้ ๘๐ ปี ตรงตามที่ท่านพยากรณ์ไว้แต่เดิม
เรียบเรียงโดย  นายอภิภัสร์ ปาสานะเก
  • Admins

    Related Posts

    จำ จน ตาย (2024) Remember

    จำ จน ตายชื่อหนัง: จำ จน ตาย, Rememberประเภท: สืบสวน สอบสวน อาชญากรรม ดราม่า โรแมนติกวันที่เข้าฉาย:12 เมษายน 2024กำกับโดย: เพชร-วรายุ นักแสดงนำ: ชานน สันตินธรกุล,นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ,ชาคริต แย้มนาม,ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง และ นิธิดล ป้อมสุวรรณ เรื่องย่อรีวิว: สำหรับใครที่กำลังรอรับชมซีรี่ย์ไทยแนว สืบสวน สอบสวน อาชญากรรม ดราม่า…

    สถานที่บำเพ็ญบารมี ๑๐ ชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ก่อนจะตรัสรู้

    สถานที่บำเพ็ญบารมี ๑๐ ชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ก่อนจะตรัสรู้ “บารมี ๑๐ ทัศของพระพุทธเจ้าของเราองค์ปัจจุบัน ท่านอาจารย์ตื้อได้บอกไว้ว่า ทานบารมี พระเวสสันดร อยู่มหาชัย จำปาศักดิ์ ศีลบารมี พญานาคเผือกภูริทัตต์ อยู่อำเภอจอมทอง เชียงใหม่ เนกขัมมบารมี เตมียะใบ้ อยู่เมือง พาราณสี ปัญญาบารมี มโหสถ กรุงเทวทหะ วิริยบารมี มหาชนกตกน้ำ เป็นไทเงี้ยว ขันติบารมี จันทกุมาร เมืองญวน ตุมวังฟ้ารอนหาด ตังเง้ชายง่วนเดี่ยว…

    You Missed

    General Well (2024) งานเลี้ยงหนานเฉิง

    • By FINN
    • June 22, 2024
    • 14 views
    General Well (2024) งานเลี้ยงหนานเฉิง

    ร้านราเมนทงคตสึชื่อดัง อุเมดะ ชิบาตะ (ICHIRAN Umeda Shibata)

    • By FINN
    • June 17, 2024
    • 9 views
    ร้านราเมนทงคตสึชื่อดัง อุเมดะ ชิบาตะ (ICHIRAN Umeda Shibata)

    The Legend of Heroes Hot Blooded (2024) มังกรหยก ก๊วยเจ๋งอึ้งย้ง

    • By FINN
    • June 17, 2024
    • 9 views
    The Legend of Heroes Hot Blooded (2024) มังกรหยก ก๊วยเจ๋งอึ้งย้ง

    Miss Night and Day (2024) มิส ไนท์ แอนด์ เดย์

    • By FINN
    • June 16, 2024
    • 14 views
    Miss Night and Day (2024) มิส ไนท์ แอนด์ เดย์

    Jade’s Fateful Love (2024) ปาฏิหาริย์รักหยกวิเศษ

    • By FINN
    • June 16, 2024
    • 7 views
    Jade’s Fateful Love (2024) ปาฏิหาริย์รักหยกวิเศษ

    Deep Love Love Again (2024) ปมรักในรอยแค้น

    • By FINN
    • June 15, 2024
    • 11 views
    Deep Love Love Again (2024) ปมรักในรอยแค้น