ด้วยคำเทศนาหรือบทธรรมของท่าน ส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องหลักปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ภัยในชีวิตประจำวัน
หลวงปู่อ่ำ เป็นพระสายวัดป่าที่เน้นเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานเป็นด้านหลัก และเป็นศิษย์รุ่นกลางของ
บูรพาจารย์สายปฏิบัติวิปัสสนาชื่อดัง วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร
ปัจจุบัน หลวงปู่อ่ำ ธมฺมกาโม สิริอายุ 81 พรรษา 42 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสันติวรญาณ ต.วังศาล อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์
อัตโนประวัติและชาติภูมิ หลวงปู่อ่ำ เกิดในสกุล ลาสิม เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2471 ที่ ต.ตระการ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายมา และ นางตา ลาสิม ครอบครัวประกอบอาชีพชาวนา มีฐานะยากจน
ในช่วงวัยเยาว์ได้เรียนหนังสือเบื้องต้น จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดบ้านโพนเมือง และช่วยครอบครัวหาเลี้ยงด้วยการประกอบอาชีพทำนาทำไร่
ยามว่างจากการงานอาชีพ มักจะขอติดตามบิดามารดา เข้าวัดฟังธรรมเป็นประจำ ทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า
กระทั่งอายุ 26 ปี ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2497 ณ วัดประชาพิทักษ์ ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยมีพระครูพุทธสารสุนทร วัดประชาพิทักษ์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาปัญญา กุสโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายา ธมฺมกาโม มีความหมายว่า ผู้ปรารถนาในพระธรรม หลังอุปสมบท ท่านได้อยู่ปฏิบัติรับใช้พระอุปัชฌาย์ระยะเวลาหนึ่ง ต่อมา ได้กราบลาขอเดินทางไปยัง จ.สกลนคร เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม
สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท และเอก ตามลำดับ จากสำนักเรียนวัดคามวาสี อ.สว่างดินแดน จ.สกลนคร
ต่อมา ท่านได้ไปขอฝากตัวเป็นอันเตวาสิกของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร
หลวงปู่ขาว อนาลโย(ศึกษาประวัติ วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู
กระทั่งเมื่อเห็นว่า ชุมชนวัดป่าเขาน้อยมีความเจริญมากขึ้น มีประชากรเข้ามาอาศัยอยู่หนาแน่น ท่านจึงได้มอบหมายการดูแลปกครองพระสงฆ์ ให้แก่
หลวงปู่จันทา ถาวโร (ศึกษาประวัติหลวงปู่จันทา ถาวโร)
ซึ่งเป็นสหธรรมิกของท่านอีกรูปหนึ่ง
ญาติโยม คหบดี ชาวอ.พิจิตร ทราบว่า หลวงปู่อ่ำ ธมฺมกาโม เดินธุดงค์มายังบ้านวังชะนาง ต.วังศาล อ.วังโป่ง จึงได้พากันรวบเงินซื้อที่ดินบริเวณบ้านวังชะนางจำนวน 68 ไร่ ถวายให้หลวงปู่อ่ำ ก่อตั้งเป็นสำนักธุดงคสถาน พร้อมทั้งชักชวนญาติโยม เข้ามารักษาศีลปฏิบัติธรรม
หลวงปู่อ่ำและชาวบ้าน ได้ร่วมกันก่อสร้างศาสนสถาน ประกอบด้วย อุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิ และมหาเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ต่อมา จึงได้รับการยกฐานะเป็นวัด ถูกต้องตามกฎหมาย ชื่อ วัดสันติวรญาณ
ตลอดเวลาที่อยู่จำพรรษา หลวงปู่อ่ำ ธมฺมกาโม จะสั่งสอนอบรมญาติโยม ให้รู้จักเจริญสติภาวนา ตามหลักการปฏิบัติกัมมัฏฐาน ตามแนวทางของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ทุกประการ ด้วยอุปนิสัยที่สงบเสงี่ยม พูดแต่น้อย และพูดอย่างระมัดระวังและมีสติกำกับ
หลวงปู่จะสอนเสมอว่า จริตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีมากบ้าง น้อยบ้างต่างกัน เป็นเรื่องของสัตว์โลกที่เกิดมา ได้สร้างความดีไว้ที่ต่างกัน ทุกคนจึงต้องเป็นตามกรรมนั้นๆ จริตของคนเราที่เกิดมาในโลก มี 6 ประการ คือ ราคจริต เป็นผู้ที่รักสวยรักงาม เป็นเจ้าเรือน โทสจริต เป็นผู้มักโกรธง่าย ผูกโกรธไว้เป็นเจ้าเรือน โมหจริต เป็นผู้หลงงมงาย มืดมน วิตกจริต เป็นผู้ไม่แน่นอน ตกลงใจไม่ได้ สัทธาจริต เป็นผู้มักเชื่อง่าย ถือมงคลตื่นข่าว และพุทธิจริต เป็นผู้ใช้ปัญญาตรึกตรองมาก จริตทั้ง 6 ประการ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องรู้และหมั่นพิจารณาเนืองๆ ว่า ตนนั้นตกอยู่ในจริตข้อใด หรือจริตข้อใด เป็นเจ้าเรือน เมื่อรู้แล้ว จงกำหนดจิตของตน ให้แน่วแน่ละจริตนั้นๆ เสีย ทำบ่อยๆ จนจิตสงบ เยือกเย็น ได้ชื่อว่า เป็นผู้ละกิเลส ตัณหา อุปาทานที่เกิดขึ้นได้ ในบางครั้ง หลวงปู่อ่ำ ได้รับการนิมนต์ให้ไปร่วมพิธีนั่งปลุกเสกอธิษฐานจิตวัตถุมงคลหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่ท่านจะปฏิเสธ
หลวงปู่อ่ำ ธมฺมกาโม เป็นพระที่เคร่งครัดวินัยมาก วัตรที่ปฏิบัติ คือ นอกจากจะทำวัตรสวดมนต์ เป็นประจำแล้ว สิ่งที่ถือเป็นกิจวัตรคือ การออกบิณฑบาต โปรดญาติโยม ทุกเช้า แม้อายุจะล่วงเข้าวัยชรา สุขภาพร่างกายของท่าน ยังดูแข็งแรง เดินทางได้ระยะไกลๆ หลวงปู่จะบอกว่า ที่ท่านมีสุขภาพร่างกาย แข็งแรง เป็นเพราะท่านปฏิบัติกัมมัฏฐาน เจริญสติภาวนา เป็นประจำ เมื่อจิตนิ่ง จิตสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่วอกแวก หรือส่ายไปส่ายมา จนถึงขั้นเป็นเอกัคคตาจิต ความสุข ความสันติ ก็จะตามมา เป็นหลักคำสอนในการฝึกจิตของหลวงปู่อ่ำ ธมฺมกาโม
ทุกวันนี้ หลวงปู่อ่ำ ธมฺมกาโม ในวัย 81 ปี ยังคงมุ่งมั่นทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ด้วยความรู้ ความสามารถ และความเสียสละ บำเพ็ญคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติบ้านเมือง คำนึงถึงสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ยึดมั่นที่จะสร้างสรรค์ พัฒนาสังคม ให้มีความเจริญรุ่งเรืองด้วยความรู้คู่กับคุณธรรม
อีกทั้ง เป็นพระอริยสงฆ์ผู้เจริญธรรมตามรอยบูรพาจารย์ทุกประการ